ไปหน้าแรก

พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ - หน้าที่ 88

๙. ปุตตสูตร

ว่าด้วยมารดาบิดาต้องการฐานะ ๕ อย่างจากบุตร

[๓๙] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มารดา บิดา เล็งเห็นฐานะ ๕ ประการนี้

จึงปรารถนาบุตรเกิดในสกุล ฐานะ ๕ ประการเป็นไฉน คือ บุตรที่เราเลี้ยง

มาแล้วจักเลี้ยงตอบแทน ๑ จักทำกิจแทนเรา ๑ วงศ์สกุลจักดำรงอยู่ได้นาน ๑

บุตรจักปกครองทรัพย์มรดก ๑ เมื่อเราตายไปแล้ว บุตรจักบำเพ็ญทักษิณาทาน

ให้ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มารดา บิดา เล็งเห็นฐานะ ๕ ประการนี้แล

จึงปรารถนาบุตรเกิดในสกุล.

มารดาบิดาผู้ฉลาด เล็งเห็นฐานะ ๕

ประการจึงปรารภนาบุตร ด้วยหวังว่าบุตร

ที่เราเลี้ยงมาแล้ว จักเลี้ยงตอบเรา จักทำ

กิจแทนเรา วงศ์สกุลจักดำรงอยู่ได้นาน

บุตรจักปกครองทรัพย์มรดก และเมื่อเรา

ตายไปแล้ว บุตรจักบำเพ็ญทักษิณาทานให้

มารดาบิดาผู้ฉลาดเล็งเห็นฐานะเหล่านี้ จึง

ปรารถนาบุตร ฉะนั้น บุตรผู้เป็นสัปบุรุษ

ผู้สงบ มีกตัญญูกตเวที เมื่อระลึกถึงบุรพ-

คุณของท่าน จึงเลี้ยงมารดาบิดา ทำกิจ

แทนท่าน เชื่อฟังโอวาท เลี้ยงสนอง

พระคุณท่าน สมดังที่ท่านเป็นบุรพการี

ดำรงวงศ์สกุล บุตรผู้มีศรัทธา สมบูรณ์

ด้วยศีล ย่อมเป็นที่สรรเสริญทั่วไป.

จบปุตตสูตรที่ ๙

อรรถกถาปุตตสูตร

พึงทราบวินิจฉัยในปุตตสูตรที่ ๙ ดังต่อไปนี้ :-

บทว่า ภโต วา โน ภวิสฺสติ ความว่า บุตรที่เราเลี้ยงมาแล้ว

ประคบประหงมมาแล้ว ด้วยให้ดื่มน้ำนมและยังมือและเท้าให้เจริญเติบโต

เป็นต้น ในเวลาเราแก่ เขาจักเลี้ยงเรา ด้วยการล้างมือและเท้า ให้อาบน้ำ

และให้ข้าวต้มข้าวสวยเป็นต้น. บทว่า กิจฺจํ วา โน กริสฺสติ ความว่า

เขาพักการงานของคนไว้แล้ว จักไปช่วยทำกิจของเราซึ่งเกิดในในราชตระกูล

เป็นต้น. บทว่า กฺลวํโส จิรํ ฐสฺสติ ความว่า เมื่อบุตรรักษาไม่ทำสมบัติ

ของเรามีนา สวน เงิน และทองเป็นต้น ให้ฉิบหายไป วงศ์ตระกูลก็จักตั้ง

อยู่นาน. อนึ่ง เขาไม่ทำสลากภัตทานเป็นต้น ที่เราประพฤติกันมาแล้วให้

ขาดสาย คงดำเนินไป วงศ์ตระกูลของเราก็จักตั้งอยู่นาน. บทว่า ทายชฺชํ

ปฏิปชฺชติ ความว่า บุตรเมื่อประพฤติตนสมควรแก่มรดก ด้วยการปฏิบัติ

อันสมควรแก่วงศ์ตระกูลก็จักปกครองมรดก อันเป็นสมบัติของเราได้. บทว่า

ทกฺขิณํ อนุปฺปทสฺสติ ความว่า บุตรจักเพิ่มทานอุทิศส่วนบุญให้ ตั้งแต่

วันที่สาม นับแต่วันตาย. บทว่า สนฺโต สปฺปุริสา ความว่า พึงทราบว่า

เป็นสัตบุรุษ คนดีด้วยการปฏิบัติชอบในมารดาบิดาในฐานะนี้. บทว่า ปุพฺเพ-

กตมนุสฺสรํ ความว่า เมื่อระลึกถึงคุณอันมารดาบิดากระทำไว้ก่อนแล้ว. บทว่า

โอวาทการี คือ เป็นผู้ทำตามโอวาทที่มารดาบิดาให้ไว้แล้ว. บทว่า ภตโปสึ

ได้แก่ บุตรจักเลี้ยงดูมารดาบิดา ซึ่งท่านเลี้ยงตนมา. บทว่า ปสํสิโย ความว่า

เป็นผู้อันมหาชนพึงสรรเสริญในปัจจุบันนั่นแล.

จบอรรถกถาปุตตสูตรที่ ๙